วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
น้ำท่วมซอย
ซอยหอม.กรุงเทพ เป็นซอยที่น่าเดิน มีของขายตลอดซอย วัยรุ่นเดินกันเยอะแยะ แต่ถ้าวันไหนฝนตกจะกลายเป็นซอยที่เน่าและไมน่าเดินที่สุด เนื่องจากที่ท่วมขังหลายวันจนเน่า เพราะระบบการระบายน้ำย่ำแย่มากๆ ทำให้เสียสุขภาพจิตและน่าเบื่อเป็นที่สุด
วันจันทร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
ฮาราโอเกะ
วันนั้นผมไปร้องคาราโอเกะที่ห้างอิมพิเรียลลาดพร้าว ชั้นล่างจะมีตู้คารามากมายหลายร้าน ผมชอบไปร้องกับเพื่อนเพราะมันคลายเครียดและถูกดี พอผมร้องไปซักพัก ก็มีกระเทยคนหนึ่งเดินเข้ามาตู้ข้างๆ ผมมองเห็นได้เพราะเป็นตู้กระจก เค้ามองมาที่ตู้ผม จ้องอยู่อย่างนั้น พวกผมก็ทำเป็นไม่สนใจ พยายามจะไม่มอง ต่างคนต่างแกล้งทำเป็นมองไม่เห็น สักพักมันเริ่มบายบ๊ายๆ และยิ้ม พวกผมก็ทำเป็นไม่มองอีกแต่ต้องกลั้นขำ เพราะมันตลกมาก เลยร้องกันอย่างไม่มีสมาธิเพราะต้องกลั้นขำ ทีนี้เค้ากระโดดมาเกาะกระจก แล้วยิ้มทำหน้าทำตายั่วยวน พวกผมกลั้นขำไม่อยู่ หัวเราะออกมากันอย่างด้ง น้ำหูน้ำตาไหล กระเทยคนนั้นก็ยิ้มๆ แล้วก็เดินจากไปโดยที่ไม่ได้ร้องเพลง พวกผมไม่ได้ร้องต่อ ร้องไม่ไหว เพราะมัวแต่ขำอย่างเดียว พวกผมก็ไม่ได้ว่าหรือด่ากระเทยคนนั้น เพราะคิดว่าเค้าคนนั้นมาช่วยให้เราได้หัวเราะกันอย่างมีความสุขจริงๆ
วันอาทิตย์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
กระเทยเกรียน
วันนั้นผมไปซื้อของที่เซนทรัลลาดพร้าว ชั้น b2s ซื้อ กระดาษชานอ้อย แผ่นอะคิลิก และอุปกรณ์ต่างๆ ผมก็หอบของทั้งหมดเดินเข้าห้องน้ำไปเพือ่จะปัสสะวะ เดินเข้าไป ผมก็เห็น กระเทยหัวเกรียนคนนึงยืนพิงกระจกห้องน้ำอยู่ ผมเห็นมันมองผู้ขายทุกคนที่เข้าห้องน้ำ ซักพักมันเห็นผม มันมองตลอด ผมแกล้งทำเป็นไม่ใส่ใจ แล้วก็มายืนฉี่ มันจ้องอยู่ ผมจึงต้องเอากระดาษชานอ้อยปิดด้านที่มันมองมา มันก็จัญไรมาก มันเดินอ้อมมาเพื่อจะมาฉี่โถข้างๆผม อีกฝั่งหนึ่ง ทั้งที่มีโถฝั่งที่ผมเอากระดาษชานอ้อยปิด ว่างอยู่ตั้งเยอะ ผมจึงตัดสินใจไม่ฉี่ เดินออกมาเลย ผมคิดว่าเพราะพวกกระเทยนิสัยอย่างนี้แหละที่ทำให้คนส่วนใหญ่พากันเกลียดกระเทยทั้งหมด ทั้งๆที่กระเทยนิสัยดีๆ ก็มีตั้งเยอะแยะ แต่มันก็อดจะด่าเหมารวมไปเลยไม่ได้จริงๆ
เลื่อยอะคิลิก
ในวิชาexperimental typo ผมต้องใช้แผ่นอะคิลิกมาตัดเป็นรูปอักษรภาษาไทยขนาด 5x5นิ้ว จำนวน 28 ชิ้น ผมหาวิธีตัดอยู่ทั้งวัน เพราะตอนแรกไม่อยากใช้วิธีตัด เพราะคิดว่ามันน่าจะแตก เลยใช้คัตเตอร์ตัดอะคิลิกตัด แต่ไม่มีทางทำได้แน่นอน เพราะตรงส่วนโค้งนี่ทีเด็ดเลย เลยเอาเลื่อยฉลุมาหั่น ก็เป็นไปได้ด้วยดี เลยตัดจาก 4โมงเย็นไปจนถึง 6.30 เช้าของอีกวันหนึ่ง ได้พักไปรวมๆกันไม่ถึงชั่วโมง เป็นความทรมานอย่างมาก ท่อนแขนและฝ่ามือข้างซ้ายผมชาไม่รู้สึกไป 2 วัน ปวดเมื่อยทั้งตัว มันทำให้ผมเกลียดอะคิลิกไปเลย แต่มันก็แลกมาด้วยความชำนาญในการตัดแผ่นอะคิลิกของผม
วันศุกร์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
ไข้หวัดใหญ่ 2009
เป็นโรคที่น่ากลัวจริงๆ มีผลร้ายแรงต่อสุขร่างกายและทำลายสุขภาพจิตอย่างรุนแรง เพราะขนาดอยู่ที่บ้านเวลาใครจามหรือไอ จะถูกสายตาของทั้งบ้านจ้องมา ราวกับว่ามีโอกาสเสี่ยงอยู่ตลอดเวลา ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ตอนนี้การไอ้หรือจามตามที่สาธารณะนั้น แทบจะเป็นเรื่องใหญ่มากๆไปแล้ว เหมือนเป็นการส่งสัญญาณให้คนอื่นถอยห่างจากตัวเอง บางคนก็เป็นพวกวิตกจริตเกินควร ปิดจมูกก็แล้ว ใส่ถุงมือก็แล้ว แค่เห็นคนไอธรรมดาหรือแค่จามนิดๆ ก็หันมามองหน้าอย่างอาฆาต เป็นโรคที่น่าปวดหัวจริงๆ
วันพฤหัสบดีที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
"ช่ายๆ พี่ติ๋มพูดถูก"
วันนี้ผมได้นั่งรถไฟฟ้าใต้ดิน กำลังนั่งอยู่ ซักพักมีผู้หญิงวัยทำงานคนหนึ่งเดินเข้ามาในรถ นั่งถัดจากผมไปสองที่ ซักสักเธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรคุย เธอเป็นคนพูดเสียงดัง เธอคุยได้ซักระยะก็คงคุยเรื่องที่มันตลกถูกคออะไรกันซักอย่าง เธอหัวเราะขึ้นมา ดังมาก และที่สำคัญ เป็นเสียงหัวเราะที่แปลกและน่ารำคาญมากๆ คนเริ่มมอง ในการสนทนานั้นจะมีประโยคหนึ่งที่เธอชอบพูดพรางหัวเราะอุบาดท์ๆไปด้วย นั่นคือ "ช่ายๆ พี่ติ๋มพูดถูก"
เป็นประโยคที่พูดประมาณ 20-30 รอบ เลยสงสัยว่าเธอเป็นคนชอบพูดอะไรซ้ำๆหรอ หรือ ชอบพูดยกยอคนอื่นหรอ เธอพูดจนผมฉุนและอยากเห็นหน้าไอ้พี่ติ๋มเลยว่า มันเป็นคนอัจฉริยะอะไรขนาดนั้น พูดถูกตลอดดด หรือจริงๆแล้วเป็นคนธรรมดานี่แหละ แต่ไอ้ผู้หญิงที่มันชมเค้าคือคนที่มันไม่รู้อะไรเลย คิดอะไรไม่เป็น ไม่เคยโต้แย้งใครมาก่อนเลย
ผมจึงมาคิดว่า แค่ดูจากการโทรศัพท์ไม่ถึง10นาที ก็พอจะดูนิสัยคนออกแล้วสำหรับคนบางคน ที่น่าจะมีนิสัยที่โดดเด่นมากเหลือเกิน ในด้านลบ
เป็นประโยคที่พูดประมาณ 20-30 รอบ เลยสงสัยว่าเธอเป็นคนชอบพูดอะไรซ้ำๆหรอ หรือ ชอบพูดยกยอคนอื่นหรอ เธอพูดจนผมฉุนและอยากเห็นหน้าไอ้พี่ติ๋มเลยว่า มันเป็นคนอัจฉริยะอะไรขนาดนั้น พูดถูกตลอดดด หรือจริงๆแล้วเป็นคนธรรมดานี่แหละ แต่ไอ้ผู้หญิงที่มันชมเค้าคือคนที่มันไม่รู้อะไรเลย คิดอะไรไม่เป็น ไม่เคยโต้แย้งใครมาก่อนเลย
ผมจึงมาคิดว่า แค่ดูจากการโทรศัพท์ไม่ถึง10นาที ก็พอจะดูนิสัยคนออกแล้วสำหรับคนบางคน ที่น่าจะมีนิสัยที่โดดเด่นมากเหลือเกิน ในด้านลบ
วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
คาราโอเกะ
ช่วงนี้มีงานให้คิดเยอะค่อนข้างที่เครียด ผมจึงต้องหาวิธีคลายเครียดให้กับตัวเองบ้าง เลยชวนเพื่อนไปคาราโอเกะ แทบจะทุกเย็นหลังเลิกเรียน ผมว่ามันเป็นการผ่อนคลายที่ดีเยี่ยมสำหรับตัวผมเลยทีเดียว ได้ร้องเพลงกับเพื่อน ความจริงคือที่มันระบายความเครียดได้คือ มันได้ตะโกนแหกปาก และเต้นท่าแปลกๆ ร้องเสร็จออกมา มันรู้สึกโล่งๆ คลายขึ้นเยอะ สามารถกลับไปคิดงานที่มันเครียดๆได้อีกอย่างมีพลัง เพื่อนๆลองไปร้องเพื่อผ่อนคลายซิครับ สนุกมากเลย
วันพุธที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
ใจแตก
วันนี้ในขณะที่ผมไปข้างนอก แล้วแฟนผมอยู่ที่ห้อง ซักพักผมก็ขึ้นมา พอเปิดห้องก็เห็นเธอนั่งร้องไห้ ในมือมีเลือด ผมก็ตกใจรีบวิ่งเข้าไปดูว่าเป็นยังไงบ้าง ต้องเป็นอะไรที่เจ็บมากแน่ๆ พอถามว่าโดนไร เธอก็ตอบมาว่า ทำขวดแก้วเล็กๆตกแตก แล้วตอนจะเก็บเศษแก้ว มันก็ปักเข้าที่นั้ว เป็นแผลเล็ก ผมก็ตลกว่าแค่นี้ทำไมต้องร้องไห้ ไม่เห็นจะน่าเจ็บขนาดนั้น เธอมองค้อนนิดๆพร้อมตอบมาว่าที่เจ็บน่ะ เจ็บใจ เพราะที่ทำแตกมันคือของขวัญที่เธอซื้อให้ผมเมื่อไม่กี่วันก่อน เธอโมโหตัวเองมากกว่า ผมก็เลยเข้าใจ ว่าขวดไม่ได้แตกเพียงอย่างเดียว มันทำให้ใจแฟนผมร้าวได้นิดๆเหมือนกัน (ลาวดีป่ะ 55)
ความเหมือนกันของคน
ผมมีเพื่อนคนนึงที่นิสัย การพูดการจา รูปร่าง และที่สำคัญเวลาเมาเหมือนกับเพื่อนเก่าของผมอย่างมาก ทั้งที่ทั้งคู่ไม่เคยเจอกันมาก่อน ผมก็แค่คิดว่ามันคงเป็นความบังเอิญ แค่วันนึงได้ยินการพูดที่เหมือนกันเป๊ะ นั่นก็คือ "บางทีกูก็ไม่ตลกนะเว่ย" นี่ประโยคทองของพวกมันทั้งสอง 555 เลยคิดว่าบางทีในโลกนี้อาจมีคนที่อาจมีคนที่เหมือนเราแทบจะทุกอย่าง อย่างนี้อยู่ด้วยก็เป็นได้
วันอังคารที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
ลิฟต์
วันนึง ในขณะที่ฉันลงไปซื้อของข้างล่างหอพัก และกำลังจะกลับขึ้นห้องเลยเดินขึ้นลิฟต์ เมื่อเข้าไปในลิฟต์ผมก็กดชั้นและพิงเองหลังกับด้านหลังลิฟต์เพื่อรอลิฟต์ขึ้น แต่ซักพักในขณะที่ประตูลิฟต์กำลังจะปิด ก็มีคนวิ่งมา ชูมือประมาณขอร้องให้รอด้วย หน้าตาแบบว่าอยากขึ้นมาก ผมก็ตกใจ เลยเด้งตัวยื่นมือรีบไปเพื่อจะกดให้ลิฟต์อย่าพึ่งปิด แต่ด้วยเพราะความรีบบวกกับสายตาที่กำลังจ้องมองคนที่วิ่งมา ผมทำให้ลิฟต์ปิดเร็วยิ่งขึ้นเพราะปุ่มที่ผมกดย้ำๆอยู่นั้นกลายเป็นปุ่มปิด ผมจึงรู้สึกผิดอย่างมาก มากจริงๆ ราวกับว่าไอ้คนที่รอนั้นจะขึ้นมาไม่ได้ถ้าไม่ได้ขึ้นเที่ยวนี้ ไม่รู้จะเสียใจขนาดนั้นทำไม 555 แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าไอ้คนนั้นต้องคิดว่าผมรีบกดปุ่มปิดเพื่อไม่ให้เค้าขึ้นมาอย่างแน่นอน จึงกลับมาคิดว่า บางครั้งก่อนๆที่ผมเคยเป็นฝ่ายวิ่งมาขอขึ้นด้วย แล้วลิฟต์ปิดไปต่อหน้าอย่างน่าโมโห อาจจะเป็นกรณีนี้ก็ได้ นึกแล้วก็โกรธใครที่ปิดลิฟต์ต่อหน้าผมไม่ลง
วันอาทิตย์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
แท็กซี่
วันนี้คิดอยากไปกินบุฟเฟต์เนื้อย่างที่แถวๆถนนเพชรบุรี ก็ได้หาที่อยู่ของร้านและแผนที่ของร้านมานิดหน่อย แบบว่านิดหน่อยจริง เลยเรียกแท๊กซี่ พอบอกเค้า เค้าก็ทำหน้างงๆ แต่ก็รับ คงเพราะอยากได้ลูกค้ามาก พอขับไปซักพัก เค้าก็ถามว่ามันอยู่ระแวกไหน เป็นร้านอะไร เราตอบอะไรไม่ได้เลย นอกจากชื่อร้านกะชื่อตึกแล้วก็ซอย
ตอนนี้เหมือนเราโยนปัญหาใหญ่มากๆไปให้พี่เค้าคิดคนเดียวแล้ว เค้าก็พยายามนึก เหมือนพยายามถอดรหัสจากคำใบ้นิดหน่อยนี้ เค้าบ่นพึมพำกับตัวเอง พยายามนึกแล้วนึกอีก ซักพักเค้าก็ร้องอ๋อ เค้าบอกน่าจะใช่ตึกนั้นแน่ เพราะเคยไปส่งลูกค้าแถวนี้แล้วเค้าก็คุยกันเรื่องบุฟเฟต์อยู่เหมือนกัน ผมก็ไม่ไว้ใจ กลัวเค้าถอดรหัสผิด เลยจะโทรไปให้คุยกับทางร้าน แต่ตอนกำลังจะโทรอยู่นั้น พี่เค้าก็ขับมาจอดตรงหน้าตึกอย่างยิ่งใหญ่ เพราะความที่พี่เค้าเป็นคนมีไหวพริบและความจำดี ทำให้เราไม่หิวจนเกินไปนั่นเอง
ตอนนี้เหมือนเราโยนปัญหาใหญ่มากๆไปให้พี่เค้าคิดคนเดียวแล้ว เค้าก็พยายามนึก เหมือนพยายามถอดรหัสจากคำใบ้นิดหน่อยนี้ เค้าบ่นพึมพำกับตัวเอง พยายามนึกแล้วนึกอีก ซักพักเค้าก็ร้องอ๋อ เค้าบอกน่าจะใช่ตึกนั้นแน่ เพราะเคยไปส่งลูกค้าแถวนี้แล้วเค้าก็คุยกันเรื่องบุฟเฟต์อยู่เหมือนกัน ผมก็ไม่ไว้ใจ กลัวเค้าถอดรหัสผิด เลยจะโทรไปให้คุยกับทางร้าน แต่ตอนกำลังจะโทรอยู่นั้น พี่เค้าก็ขับมาจอดตรงหน้าตึกอย่างยิ่งใหญ่ เพราะความที่พี่เค้าเป็นคนมีไหวพริบและความจำดี ทำให้เราไม่หิวจนเกินไปนั่นเอง
วันพุธที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
เกิดวันนี้
วันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของฉัน คล้ายมาก เพราะวันตรงด้วย ช่างมีความสุข เพื่อนๆอวยพร แฟนซื้อของขวัญให้ พ่อแม่พาไปกินหมูกระทะ น้องซื้อนมให้ทาน สบายใจจริงๆ ลองคิดดูถ้ามีวันอย่างงี้ทุกวัน หรืออาทิตย์ละวัน คงสบายใจทุกวัน แล้วถ้าเกิดกับทุกคน ทุกคนก็จะมีความสุข ไม่มีใครเหงา ต่างกันต่างมีคนมาเทคแคร์อวยพรหลายๆคนผลัดกันไป ที่สำคัญพ่อแม่มากินข้าวดูแลห่วงใยทุกวัน
แค่คิดก็ยิ้มแล้ว เนอะ เนาะ
แค่คิดก็ยิ้มแล้ว เนอะ เนาะ
วันอังคารที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
ความห่วง
วันนี้ครอบครัวผมไปสุพรรณบุรีกันทั้งบ้าน ไปกันตั้งแต่เช้ามืด บอกจะกลับกันไม่เกินสองสามโมงเย็น ผมก็เหงาอยู่บ้านคนเดียว มันรู้สึกเหงามากๆจริงๆ เพราะปกติบ้านผมมีคนอยู่เต็มบ้าน พอสามโมงครอบครัวก็ยังไม่ถึงบ้าน ผมโทรไปหาแม่ แม่ก็ไม่รับ โทรเข้าเครื่องพ่อ พ่อก็ไม่รับ โทรเข้าเครื่องน้อง เหมือนโทรศัพท์ปิดเครื่อง เลยรู้สึกกระวนกระวายอย่างมาก พยายามโทรเรื่อยๆ แต่ก็ไม่มีใครรับ จึงคิดไปต่างๆนาๆ พยายามจะคิดในแง่ดีว่าคงไม่ได้ยินโทรศัพท์กันมั้ง แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้หยุดห่วงเลย ถึงขนาดยกมือขอพรพระให้ช่วยคุ้มครอง ระหว่างนั้นซักพัก ก็มีโทรศัพท์ดังเข้ามา รีบเข้าไปรับ ก็ยิ้มทันทีเพราะคนที่โทรมาคือ แม่ ก็ถามว่าทำไมไม่รับ แม่อธิบายว่า ลงไปซื้อของกัน โทรศัพท์ไว้ในรถ เลยไม่ได้ยิน มันรู้สึกโล่งใจสุดๆ ไม่เคยจิตตกขนาดนี้มาก่อน ความเป็นห่วงนี่มันช่างทรมานและเหนื่อยมากจริงๆ
วันจันทร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2552
ฝนฟ้าอากาศ
วันนี้เป็นวันหยุดปกติ อยู่บ้านทำงาน ซักพักเกิดหิวข้าว อยากไปซื้ออะไรกินข้างนอก ก็คิดว่าอีกซักพักค่อยออก
กลับกลายเป็นว่าฝนดันตกเป็นห่าใหญ่ลงมาซะนี่ เกิดอาการเซ็งและหิว ก็ต้องรอกันไป ซักพักเริ่มจะเบาลง ก็ตัดสินใจลุยไปตอนนี้แหละวะ กลับกลายเป็นว่าตกหนักลงมาอีกอย่างหนัก อะไรมันจะเกินคาดเดาขนาดนี้ เลยตัดสินใจไม่รอแล้ว ไอ้คุณฝนฟ้าอากาศ ผมเลยไปต้มมาม่ากินแทน นับเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เพราะว่ามันตกทั้งวัน แล้วตกแบบ หนักมากสลับกับหนักธรรมดาทั้งวันเลยจริงๆ ถ้าตัดสินใจไปซื้อก็คงต้องอยู่รอ กลับไม่ได้แน่นอน
กลับกลายเป็นว่าฝนดันตกเป็นห่าใหญ่ลงมาซะนี่ เกิดอาการเซ็งและหิว ก็ต้องรอกันไป ซักพักเริ่มจะเบาลง ก็ตัดสินใจลุยไปตอนนี้แหละวะ กลับกลายเป็นว่าตกหนักลงมาอีกอย่างหนัก อะไรมันจะเกินคาดเดาขนาดนี้ เลยตัดสินใจไม่รอแล้ว ไอ้คุณฝนฟ้าอากาศ ผมเลยไปต้มมาม่ากินแทน นับเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เพราะว่ามันตกทั้งวัน แล้วตกแบบ หนักมากสลับกับหนักธรรมดาทั้งวันเลยจริงๆ ถ้าตัดสินใจไปซื้อก็คงต้องอยู่รอ กลับไม่ได้แน่นอน
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)